เมนู

พระศาสดาทรงดำริอย่างนี้แล้ว รุ่งเช้าครั้นทรงชำระพระวรกาย
เรียบร้อยแล้ว จึงได้เสด็จ (ออก) เที่ยวบิณฑบาตในเมืองโกสัมพี
มิได้ตรัสเรียกใคร ๆ (ให้ตามเสด็จไปด้วย) พระองค์เดียวเท่านั้นเสด็จ
หลีกจาริกไปไม่มีเพื่อนสอง.
พระเถระกล่าวคำนี้ว่า ยสฺมึ อาวุโส สมเย ก็เพราะท่านได้
ทราบการเสด็จเที่ยวไปของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหมดว่า วันนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าจักเสด็จหลีกไปกับภิกษุรูปเดียว วันนี้จักเสด็จ
หลีกไปกับภิกษุสองรูป วันนี้จักเสด็จหลีกไปกับภิกษุ 100 รูป วันนี้
จักเสด็จหลีกไปกับภิกษุ 1,000 รูป และวันนี้จักเสด็จหลีกไปเพียงลำพัง
พระองค์เดียว คือ การเสด็จเที่ยวไปของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหมด
ปรากฏคือ แจ่มแจ้งแก่พระเถระนั้น.

เสด็จสู่ป่าปาลิเลยยกะ


บทว่า อนุปุพฺเพน ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับคามนิคม พลางประสงค์จะโปรด
ภิกษุผู้อยู่ด้วยการเที่ยวจาริกไปแต่ลำพัง จึงได้เสด็จไปยังพาลกโลณ-
การคาม.
ณ พาลกโลณการคามนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอานิสงส์ใน
การอยู่ด้วยการเที่ยว (จาริก) ไปตามลำพัง แก่พระภัคคุเถระตลอด
เวลาหลังเสวยพระกระยาหารเสร็จ (ในเวลากลางวัน) และตลอดทั้ง
3 ยามในเวลากลางคืน รุ่งขึ้นทรงมีพระเถระนั้นเป็นปัจฉาสมณะเสด็จ
เที่ยวบิณฑบาตแล้วทรงให้พระเถระนั้นกลับในที่นั้นนั่นเอง ทรงดำริว่า
เราตถาคตจักโปรดกุลบุตร 3 คน (ภิกษุ 3 รูป) ผู้อยู่ด้วยกันด้วย